เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ประจำแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่บริเวณคลองเกาะโพธิ์ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกิจกรรมกำจัดปลาหมอคางดำ ณ คลองเกาะโพธิ์ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการการแปรรูปเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในฐานะโฆษกกรมประมงว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วลงสู่แหล่งน้ำเป็นวงกว้าง ในพื้นที่ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีข้อสั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งกรมประมงได้มีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ ผ่าน 7 มาตรการ

หนึ่งในมาตรการที่สำคัญนั้นคือ มาตรการที่ 1 การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด อีกทั้งกรมประมงยังได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินในการนำปลาหมอคางดำที่จับขึ้นมาได้ไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง และประสานความร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อรับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ระบาดทุกแห่ง

สำหรับการลงพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรม “การกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร” บริเวณคลองเกาะโพธิ์ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ของคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 เขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน เขตทุ่งครุ และเขตบางบอน โดยคณะผู้บริหารได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณคลองเกาะโพธิ์ เพื่อพูดคุยและรับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งนายอรรถกรได้มอบเครื่องมือประมงให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อใช้ในการจับปลาหมอคางดำ

จากนั้นเป็นการร่วมกิจกรรมกำจัดปลาหมอคางดำของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ คณะผู้บริหาร และพี่น้องประชาชน ที่คลองเกาะโพธิ์ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงเรือ เพื่อร่วมกิจกรรมจับปลาหมอคางดำ โดยปลาหมอคางดำที่จับได้มีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม หลังจากนั้น รองอธิบดีกรมประมงได้ลงเรือเพื่อร่วมกิจกรรมจับปลาหมอคางดำร่วมกับเจ้าหน้าที่ในรอบสุดท้าย โดยปลาหมอคางดำที่จับได้มีน้ำหนัก 135 กิโลกรัม รวมปลาหมอคางดำที่จับได้ในวันนี้มีน้ำหนัก 435 กิโลกรัม พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหาร ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการการแปรรูปเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำของ กรมประมง อาทิ ปลาบดแผ่น ปลาแดดเดียว ไส้อั่ว น้ำปลา และนิทรรศการสาธิตการทำน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงจากปลาหมอคางดำของกรมพัฒนาที่ดิน

นอกจากนี้ นายอรรถกร และคณะผู้บริหาร ยังมีกำหนดที่จะเข้าร่วมกิจกรรมลงแขก ลงคลอง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 3 ส.ค. ที่คลองปก คลองสาขาแม่น้ำคลองด่าน บริเวณด้านหลังของตลาดสดคลองด่าน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

รองอธิบดีกรมประมงกล่าวทิ้งท้ายว่า…ปลาหมอคางดำเป็น 1 ในปลา 13 ชนิดต้องห้ามตามข้อกำหนดมาตรา 65 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้า ส่งออก นำผ่าน เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครองตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 27 พ.ค. 2564 และหากผู้ใดฝ่าฝืนทำการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 144 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ใดพบเห็นเหตุดังกล่าว สามารถแจ้งสำนักงานประมงจังหวัดหรือสำนักงานประมงอำเภอในเขตท้องที่ทุกแห่ง หรือแจ้งเบาะแสพิกัดที่พบการแพร่ระบาด ของปลาหมอคางดำผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลาที่ https://shorturl.asia/3MbkG