EVT รุกพัฒนาระบบนิเวศน์รถไฟฟ้า
•เร่งหาพันธมิตรต่างชาติ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า มูลค่าลงทุนขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
• พร้อมจับมือขยายธุรกิจกับเจ้าของเทคโนโลยี
บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ EVT ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายรถโดยสารขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารายแรกในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 30 ปี เร่งเจรจาพันธมิตรต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถไฟฟ้าเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อป้อนโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในประเทศไทยและใช้เอง
นายกฤศ โกษานันตชัย กรรมการผู้จัดการ EVT เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ในโครงการประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการระยะที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ EVT เร่งดำเนินการเจรจาบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าจำนวนหลายราย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้
ภายใต้โครงการดังกล่าว โรงงานประกอบแบตเตอร๋รี่สำหรับรถไฟฟ้าและ High Energy Density Battery จะตั้งในจ.สมุทรปราการ ซึ่งรายละเอียด อยู่ระหว่างการศึกษา
“ที่เราสนใจลงทุนผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้านั้น เพราะเราอยู่ในธุรกิจนี้มายาวนานกว่า 30 ปี เราจึงมีความรู้และความเข้าใจในตลาด อีกทั้งบริษัทเราเองก็มีความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับรถใหม่และการบำรุงรักษา นอกจากนี้ เรายังต้องการพัฒนาตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการใช้แบตเตอรี่เฉพาะแบบสำหรับรถเชิงพาณิชย์” นายกฤศ กล่าว
นายกฤศ กล่าวด้วยว่า นอกจากโครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าแล้ว EVT ยังสนใจที่จะหาพันธมิตรผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากในประเทศและต่างประเทศที่พร้อมร่วมลงทุนกับบริษัทฯ ในการพัฒนาตลาดในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทำงานของ EVT ที่ไม่ใช่บริษัทที่จำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าเท่านั้น แต่ EVT ยังเป็นผู้ให้บริการครบวงจรในลักษณะการบริหารการเดินรถที่จะพ่วงกับสัญญาการบริการ พร้อมพนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่ประจำรถ ซึ่งจะไม่เป็นภาระกับลูกค้า
EVT เป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้า 100% โดยการบริการจะเป็นลักษณะการให้บริการครบวงจร ผ่านระบบการออกแบบรถให้สอดคล้องกับเส้นทาง การบริหารการเดินรถด้วยการออกแบบเส้นทางร่วมกับลูกค้า การจัดหาพนักงานขับรถและพนักงานต้อนรับบนรถ รวมถึงการวางโครงข่ายระบบนิเวศน์ของรถไฟฟ้าเช่นสถานที่จอดรถ สถานนีชาร์จไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ EVT ยังได้พัฒนา Application ติดตามรถบนมือถือแบบ Realtime ให้กับผู้โดยสาร และการให้บริการหลังการขาย การฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งการให้บริการดังกล่าวเป็นการนำเสนอ Solution ที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า สร้างการเติบโต ได้เปรียบด้านต้นทุน มีแหล่งผลิตของตัวเอง
“การหาพันธมิตรผู้ผลิตรถโดยสารจากภายในประเทศและต่างประเทศ เราให้ความสนใจมากเพราะในขณะรถไฟฟ้านี้เป็นที่ยอมรับของตลาดประเทศไทยและตลาดโลกด้วยคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ สามารถออกแบบและผลิตได้คุณสมบัติตามความต้องการของลูกค้า แล้วเราเอาระบบบริหารกองรถพร้อมแผนการเดินรถและการบริหารการเดินรถใส่เข้าไปในตัวรถ แต่เป็นพันธมิตรที่ดีในการร่วมพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน” นายกฤศ กล่าว
นายกฤศกล่าวว่าปัจจุบัน ลูกค้าของ EVT ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ และโรงพยาบาล รวมถึงภาคเอกชนที่มีโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ มีความประสงค์จะลดการใช้รถส่วนตัวของพนักงานและผู้มาติดต่อเพื่อลดปัญหาจราจรและมีส่วนร่วมต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงได้เน้นการใช้รถโดยสารไฟฟ้า 100% ซึ่ง EVT มีประสบการณ์ยาวนานถึง 30 ปีในการให้บริการการเดินรถโดยสารไฟฟ้า
•เร่งหาพันธมิตรต่างชาติ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า มูลค่าลงทุนขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
• พร้อมจับมือขยายธุรกิจกับเจ้าของเทคโนโลยี
บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ EVT ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายรถโดยสารขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารายแรกในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 30 ปี เร่งเจรจาพันธมิตรต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับรถไฟฟ้าเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อป้อนโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในประเทศไทยและใช้เอง
นายกฤศ โกษานันตชัย กรรมการผู้จัดการ EVT เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทฯ ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ในโครงการประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการระยะที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ EVT เร่งดำเนินการเจรจาบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าจำนวนหลายราย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้
ภายใต้โครงการดังกล่าว โรงงานประกอบแบตเตอร๋รี่สำหรับรถไฟฟ้าและ High Energy Density Battery จะตั้งในจ.สมุทรปราการ ซึ่งรายละเอียด อยู่ระหว่างการศึกษา
“ที่เราสนใจลงทุนผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้านั้น เพราะเราอยู่ในธุรกิจนี้มายาวนานกว่า 30 ปี เราจึงมีความรู้และความเข้าใจในตลาด อีกทั้งบริษัทเราเองก็มีความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับรถใหม่และการบำรุงรักษา นอกจากนี้ เรายังต้องการพัฒนาตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการใช้แบตเตอรี่เฉพาะแบบสำหรับรถเชิงพาณิชย์” นายกฤศ กล่าว
นายกฤศ กล่าวด้วยว่า นอกจากโครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าแล้ว EVT ยังสนใจที่จะหาพันธมิตรผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากในประเทศและต่างประเทศที่พร้อมร่วมลงทุนกับบริษัทฯ ในการพัฒนาตลาดในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทำงานของ EVT ที่ไม่ใช่บริษัทที่จำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าเท่านั้น แต่ EVT ยังเป็นผู้ให้บริการครบวงจรในลักษณะการบริหารการเดินรถที่จะพ่วงกับสัญญาการบริการ พร้อมพนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่ประจำรถ ซึ่งจะไม่เป็นภาระกับลูกค้า
EVT เป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้า 100% โดยการบริการจะเป็นลักษณะการให้บริการครบวงจร ผ่านระบบการออกแบบรถให้สอดคล้องกับเส้นทาง การบริหารการเดินรถด้วยการออกแบบเส้นทางร่วมกับลูกค้า การจัดหาพนักงานขับรถและพนักงานต้อนรับบนรถ รวมถึงการวางโครงข่ายระบบนิเวศน์ของรถไฟฟ้าเช่นสถานที่จอดรถ สถานนีชาร์จไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ EVT ยังได้พัฒนา Application ติดตามรถบนมือถือแบบ Realtime ให้กับผู้โดยสาร และการให้บริการหลังการขาย การฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งการให้บริการดังกล่าวเป็นการนำเสนอ Solution ที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า สร้างการเติบโต ได้เปรียบด้านต้นทุน มีแหล่งผลิตของตัวเอง
“การหาพันธมิตรผู้ผลิตรถโดยสารจากภายในประเทศและต่างประเทศ เราให้ความสนใจมากเพราะในขณะรถไฟฟ้านี้เป็นที่ยอมรับของตลาดประเทศไทยและตลาดโลกด้วยคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ สามารถออกแบบและผลิตได้คุณสมบัติตามความต้องการของลูกค้า แล้วเราเอาระบบบริหารกองรถพร้อมแผนการเดินรถและการบริหารการเดินรถใส่เข้าไปในตัวรถ แต่เป็นพันธมิตรที่ดีในการร่วมพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน” นายกฤศ กล่าว
นายกฤศกล่าวว่าปัจจุบัน ลูกค้าของ EVT ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ และโรงพยาบาล รวมถึงภาคเอกชนที่มีโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ มีความประสงค์จะลดการใช้รถส่วนตัวของพนักงานและผู้มาติดต่อเพื่อลดปัญหาจราจรและมีส่วนร่วมต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงได้เน้นการใช้รถโดยสารไฟฟ้า 100% ซึ่ง EVT มีประสบการณ์ยาวนานถึง 30 ปีในการให้บริการการเดินรถโดยสารไฟฟ้า